วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

Freshy ปี 1

วันแรกของการเข้าสู่สภาพนักศึกษา IT อย่างสมบูรณ์ ชุดที่ดูรุ่มร่าม รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ใช้ตั้งแต่ ม.ปลาย
คาบแรกที่ต้องเจอ เป็นวิชาที่ขึ้นชื่อย่างมากในคณะ นั่นคือ Basic Math.... แต่เนื้อหาไม่ได้ Basic อย่างชื่อนี่สิ

จริงๆ มหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนเรียน มีการกิจกรรมมาก่อนเปิดภาคเรียนแล้ว อาทิ การรับน้อง สันทนาการ บำเพ็ญประโยชน์... เมื่อเปิดภาคเรียน ก็มีแค่นิดหน่อย....

การใช้ชีวิตไม่ได้ต่างไปจากการเรียนในโรงเรียนมากนัก ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ไม่ต้องเรียนติดกันจนเย็น
ไม่ต้องร้องเพลงชาติ ไม่ต้องเข้าแถว หิวเมื่อไรก็กินเมื่อนั้น ...

ภาคเรียนแรก ไม่มีวิชาไหนที่ต้องพยายามอย่างมาก เมื่อดูจากชื่อวิชา แต่นั่นเป็นแค่ความคิดเท่านั้น เมื่อเอาเข้าจริงไม่ง่ายอย่างที่คิด เรียนได้ประมาณ 1 เดือน มีการประกาศรับนักกีฬา ไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย รอบ 5 วิทยาเขต (มหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้าเรียนมี 5 วิทยาเขต) เพื่อนซี้ของผู้เขียนโทรมาชวนไปแข่งเปตอง เนื่องด้วยผู้เขียนเป็นนักเปตองของจังหวัดอยู่แล้ว และเพื่อนซี้ก็เคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันภายในจังหวัดมาแล้ว...

เอาวะ ไหนๆ ก็มีโอกาสแล้ว ลองสักตั้ง 555+

ที่ไหนได้ลงชื่อไปแล้วมีผู้หญิงแค่ 2 คน ผู้ชายแค่ 2 คน ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ ก็ต้องตามพี่ๆ นักกีฬาชนิดอื่นไป แต่แล้วความซวยก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์สอน Basic Math.... ประกาศว่าจะมีการ Quiz ครั้งที่ 1 ช่วงที่กำลังจะไปแข่งกีฬา พอดี โอ้แม่เจ้าอะไรกันเนี่ย

และแล้วความซวยก็ผ่านไป เมื่ออาจารย์เลื่อนมา Quiz ก่อนการแข่งขันกีฬา (ขอบคุณสวรรค์ อิอิ) แต่ยังไงก็ไปแข่งกลับมา 1 อาทิตย์ก็สอบกลางภาคอีก (ตายแน่ๆ งานนี้)

การแข่งขันกีฬาจบไป ผลปรากฏว่า ผู้เขียนและเพื่อนซี้ ได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งระดับภาคใต้ (อะไรจะฟลุ๊คขนาดนี้เนี่ย ซ้อมก็ไม่ซ้อม มาซ้อมเอาวันแข่งเลยล่ะพี่น้อง....) ยังๆๆๆ ยังไม่พอ เพื่อนโทรบอกตอนอยู่สนามแข่งที่หาดใหญ่ ว่าคะแนน Basic Math.... ออกแล้ว (ใจเต้น ตึกๆ ตึกๆ) Top 12.5 เต็ม 15 ผู้เขียนได้แต่ภาวนาว่า ของเราขอแค่ 10 ก็พอ (555+) เมื่อกลับมาถึงบ้านเปิดดูคะแนน รหัส 48XXX80 ได้ 12.5 (ใครวะรหัสติดกะเราเลย) พอกลับมาดูรหัสตัวเอง "เอ้า รหัสเรานี่" สรุปหลังจากที่เพื่อนๆ ตามตัวไอคนดึง mean เจอแล้วก็ได้จับตามองเป็นพิเศษ...

มาถึงการสอบกลางภาคครั้งแรกในชีวิตนักศึกษา ผู้เขียนได้แต่คิดว่าข้อสอบคงคล้ายๆ ม.ปลาย ไม่ต้องอ่านมากก็ได้ ที่ไหนได้ "แม่เจ้า ข้อเขียนล้วนๆ" ตายแน่ๆ งานนี้ ที่หนักสุดๆ เห็นจะเป็นพื้นฐานอังกฤษ อาจารย์ไม่สอนอะไรเลย วันๆ พูดแต่เรื่องโรงเรียนหญิงล้วนที่ท่านเคยสอน ไอเราไม่ได้จบจากที่นี่ ได้แต่นั่งฟังๆ แต่... คนตรวจข้อสอบดันเป็นอาจารย์อีกคน ซึ่งมีหลายส่วน ส่วนแรกการฟัง ส่วน 2 ไวยากรณ์ ส่วน 3 อ่านบทความแล้วตอบ ส่วน 4 เขียน ที่โหดสุดๆ เขียนผิดติดลบ "โอ้ อยากจะร้อง"

ส่วนใหญ่วิชาที่เรียนในเทอมแรก ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก เป็นวิชาพื้นฐานทั้งสิ้น ที่เพิ่มมาก็วิชา IT ที่สำคัญวิชานี้ อาจารย์ฝรั่งสอน "เฮ้อ... " อาจารย์ไทยสอนก็แค่ Flow Chart ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ แค่ 20% เท่านั้น มาถึงข้อสอบ วิชานี้มีข้อเขียนด้วย แต่ดีที่อาจารย์เองไม่ได้้เน้นไวยากรณ์ แค่เขียนรู้เรื่องก็เป็นกันโอเค

เทอมแรกสอบเสร็จผู้เขียนและเพื่อนก็ต้องนั่งรถไปแข่งเปตองระดับภาคที่ ม. วลัยลักษณ์ ทันที ผลเหรอ ฟลุ๊คอีกตามเคย ได้เป็นตัวแทนภาค ไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 33 ที่ ม.มหิดล ศาลายา "โอ้ว สุดยอดปลายหญ้าคา 555+" ที่สำคัญ Basic Math....ได้เกรด B+ (แค่นี้ก็พอใจแล้ว)

จบเทอม 1 มาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.10 (เรียนมาไม่เคยตกต่ำขนาดนี้ เกรดเท่านี้ทำให้ผู้เขียนถึงกับน้ำตาไหล) หลังจากวันนั้นก็ตั้งใจมากขึ้น พร้อมกับเล่นเปตองด้วย ผู้เขียนคิดเสมอว่า "การทำอะไรทีละ 1 อย่างประสบความสำเร็จสักแค่ไหนก็ตาม ไม่เท่าการทำอะไร 2 อย่างขึ้นไปประสบความสำเร็จเท่าๆ กัน" ผู้เขียนลืมบอกไปว่า ผู้เขียนเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มสธ. ควบคู่ไปด้วย(แต่ก็เรียนเพื่อฆ่าเวลา ไม่ต้องปล่อยตัวเองว่างเท่านั้นเอง)

ภาคเรียนที่ 2 ต้องเรียนวิชาใหม่ๆ เยอะขึ้น ที่จำขึ้นใจคือ วิชาเขียนโปรแกรม โดยใช้ภาษาซี (นึกแล้ว...คิดว่าตัวเองคงไม่รอด) และแล้วงานก็เข้าอีกอย่างจัง เมื่อการแข่งขันกีฬา ผู้เขียนจะต้องเดินทางวันเดียวกับการสอบกลางภาควิชา พื้นฐานโปรแกรม ภาษาซีนั่นแหละ แต่โชคดีนิดๆ ที่อาจารย์เข้าใจ และรอให้ผู้เขียนและเพื่อนกลับมาสอบคราวหลังได้

เรื่องกีฬาไม่ต้องพูดถึง ได้ไปก็โอเคสำหรับผู้เขียนแล้ว แต่เรื่องเรียนนี่สิ คำว่า "เอาเกียรตินิยมให้ได้นะ" มันฝังอยู่ในหัว เมื่อทั้งพ่อ พี่ๆ พยายามพูดๆๆๆๆๆ จนเหมือนกดดันตัวผู้เขียนเอง

กลับมาก็สอบวิชาพื้นฐานโปรแกรม ได้เพื่อนนี่สอบแล้วมาช่วยบอกแนวข้อสอบ (ขอบใจเพื่อนคนนี้มา ณ โอกาสนี้) ผู้เขียนและเพื่อนไม่ได้คิดว่าข้อสอบต้องเหมือนของการสอบครั้งแรก แต่แล้วอาจารย์ใจดีมากๆ เมื่อเอาข้อสบเก่ามาให้สอบ แต่นั่นล่ะ มี 4 ชุด (555+) แต่ละชุดก็ต่างกันไป....

เอาล่ะ หลังจากนี้ได้ตั้งใจเรียนเต็มที่แล้ว แต่ละวิชาอ่านไปเลยหนังสือ วิชาละไม่ต่ำกว่า 2 รอบ(บ้าพลังใช่เปล่า) เทอม 2 นี้ก็มีกิจกรรมเข้ามาบ้าง อาทิกีฬาสานความสัมพันธ์ 2 มหาวิทยาลัย(จังหวัดที่ผู้เขียนอยู่ มี 2 มหาวิทยาลัย), กีฬาสี (อันนี้ไม่ต้องสนใจมาก เหรียญทองเปตองแน่ๆ เรา -- เพื่อนบอก 555+) แต่ด้วยทางบ้านผู้เขียนตั้งความหวังไว้ว่า สักวันเมื่อรับปริญญา ผู้เขียนจะได้ใบปริญญาที่มีคำว่า " (เกียรตินิยมอันดับ 1) " ไว้ด้วย ยังไงก็ต้องตั้งใจเรียนก่อน....(ผู้เขียนคิด...)

จบเทอม 2 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.28 ทำให้เกรดเฉลี่ยเพิ่มเป็น 3.19 แต่ก็ยังไม่ถึงเกียรตินิยมอันดับ 2 ได้แต่คิดว่า เทอมหน้าต้องขยันกว่านี้....

เมื่อขึ้น ปี 2 .... (ติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น: