วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

เกียรตินิยม...จำเป็นหรือไม่!!!

ดูจากชื่อเรื่องแล้ว คำถามนี้อาจค้างคาใจใครหลายๆ คน
เราลองมาดูกันดีกว่าว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยม แล้วถ้าไม่ได้ล่ะจะส่งผลอย่างไร"

อนึ่ง ก่อนจะเข้าสู่บทความ ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากคำถามที่น้องของผู้เขียนได้ถามมา
ดังที่เห็นจากชื่อเรื่องนั่นเอง

ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะเข้าไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่ออะไร
  • เพื่อประกอบอาชีพที่ตัวเองชอบ
  • เพื่อหาความรู้ไว้ให้รู้
  • เพื่อพ่อแม่
  • โดนบังคับ
  • เพื่อจะได้เจอเพื่อนใหม่
  • เพื่อจะได้ผ่านกิจกรรมรับน้อง หรือ
  • เพื่อเกียรตินิยม...ฯลฯ
การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย จะแตกต่างจากการเรียนในโรงเรียน ตรงที่
จะต้องหาความรู้เอง ดังที่หลายๆ คนเรียกผู้ที่เรียนในมหาวิทยาลัยว่า "นักศึกษา"
ดังนั้นผลการเรียนย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการศึกษาแน่นอน...

มาถึงประเด็นที่ว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยมแล้วถ้าไม่ได้ล่ะจะส่งผลอย่างไร "

หลายๆ คนมักจะพูดว่า "เรียนไปเถอะ เรียนให้จบก็พอ ไม่ต้องเอาหรอกเกียรตินิยม
เอาไปก็ทำไรไม่ได้ งานที่ทำก็เหมือนกัน บางคนเงินเดือนน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เกียรตินิยมอีก"
หรือที่หนักสุดๆ ก็คือ "จบไปก็ตกงานเหมือนกันนั่นแหละ" ผู้เขียนไม่เถียงว่าคำพูดเหล่านี้ไม่จริง
เพราะ...
  1. คนเก่งบางคนเก่งเฉพาะด้าน แต่อาจจะเก่งไปเลย เค้าอาจจะไม่จบตามหลักสูตรด้วยซ้ำ แต่เค้ามีงานทำแบบไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร เงินเดือนมากกว่าคนจบแล้วบางคนอีก
  2. คนเก่งบางคนมุ่งเน้นแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ แต่การเรียนในระบบมหาวิทยาลัยของไทย ต้องเรียนวิชาพื้นฐาน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อใครหลายๆ คน
  3. คนเก่งบางคนอาจจะไปพลาดวิชาใดเพียงแค่วิชาเดียว ทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์เกียรตินิยม
    แต่เกรดก็ออกมาสูงใช้ได้ .............
และอ่านจะมีอีกหลายๆ เหตุผลที่ผู้อ่านคิด...

หลายๆ มหาวิทยาลัย มีเกณฑ์ในการให้เกียรตินิยมคล้ายๆ กัน นั่นคือ
  • ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามที่หลักสูตรกำหนด
  • ต้องได้เกรดเฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า ...
  • ต้องไม่ได้เกรด ....
  • บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
และอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งดูแล้วใครๆ ก็ต้องคิดว่าไอพวกได้เกียรตินิยม นี่บ้าพลัง 555+
ส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้ (ผู้เขียนไม่เถียง)

เอาล่ะ อธิบายมาเยอะแยะมากมาย คราวนี้ผู้เขียนจะตอบว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยม"

อันดับแรกเลย พ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆ ภูมิใจ -- แน่นอน ทำชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลนี่ ซึ่งเกียรตินิยมเป็นสิ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกได้ เพื่อบ่งบอกถึงความมุมานะของผู้เรียน
อันดับที่สอง ตัวคุณภูมิใจ -- คุณลองคิดดู กว่าคุณจะประสบความสำเร็จมาขนาดนี้ คุณต้องต่อสู้มาขนาดไหน แน่นอนถ้าคุณทำได้ คุณก็ภูมิใจ
อันดับที่สาม โอกาสในหน้าที่การงานดีกว่า(เหรอ) -- คำถามที่ตามมาคือ "ดีกว่าตรงไหน" หากคิดแบบนี้ ขอถามก่อนเลยว่า มีบริษัทไหน ที่มาบอกคุณบ้าง ว่าเค้ารับคนได้เกียรตินิยมเข้าทำงาน อันนี้ผู้เขียนได้ความรู้มาจากพี่ของผู้เขียนเอง

สมมติว่าบริษัท ก ต้องการรับพนักงาน 1 คน แล้วมีผู้เข้าสมัครงานมา 5 คน ซึ่ง 3 คน จบจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด และมี 1 คน ได้เกียรตินิยม (ทั้ง 3 เรียนเอกเดียวกัน) อีก 2 คน มาจากมหาลัยอื่น 1 คน ได้เกียรตินิยม อีก 1 คน ไม่ได้อะไรเลย แต่เก่งในด้านงานที่สมัคร

คำถามที่ตามมาคือ ใครจะได้เข้าทำงานที่นี่... ใช่ไหมคะ

    --> แต่ละองค์กร มีเกณฑ์การคัดเลือกไม่เหมือนกันหรอกค่ะ บางที่ไม่รับคนเกรดสูง เนื่องด้วยคนเกรดสูงบางคนอาจจะเรียกร้องเงินเดือนเยอะ เรียกร้องอะไรมากมาย ทัศนคติอาจจะไม่ค่อยตรงกับใคร และอาจจะมั่นใจจนเกินความพอดี ค่ะ

ถามว่าทำไม บริษัทส่วนใหญ่ไม่มีเวลามานั่งอ่านผลงานของทุกคน นอกซะจากว่าเคยมีชื่อเสียงได้รับรางวัลมา
แล้วจากคำถาม คนที่เก่งด้านนี้ล่ะ เค้าเก่งด้านนี้ แต่เค้าไม่เคยได้รับรางวัล ไม่มีใครรู้จัก คุณจะรู้ได้ไงว่าเค้าเก่งจริง...

อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น หากพาดพิงถึงผู้ได้ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ในความเป็นจริง การได้เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง จะมีองค์กร หน่วยงานต่างๆ ยื่นมือเข้ามา ไม่ว่าจะให้งานตำแหน่งดีๆ ให้ทุนวิจัย ทุนศึกษาต่อ.... และอีกเยอะแยะมากมาย ในทางตรงข้าม การไม่ได้เกียรตินิยมก็ไม่ใช่ไม่ดี บางคนอาจจะได้งานดีกว่าคนได้เกียรตินิยมอีก แต่ก็เป็นส่วนน้อย

ที่สำคัญที่สุดการได้เกียรตินิยม เป็นผลจากการพิสูจน์ตัวเองต่างหากว่าเราตั้งใจแค่ไหน มุ่งมั่นแค่ไหน ผู้เขียนเชื่อว่าความตั้งใจและความมุ่งมั่นนี่แหละ ที่เป็นผลให้ประสบความสำเร็จ อยู่เรามุ่งมั่นอะไร ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจซ้อมกีฬา เราก็จะได้รับรางวัลจากการแข่งขัน ....

สรุปง่ายๆ ก็คือ เกียรตินิยมไม่จำเป็นค่ะ ความรู้ที่ขวนขวายคือสิ่งที่จำเป็นกว่าค่ะ
                        เกียรตินิยมเป็นรางวัลสำหรับความพยายามและความตั้งใจค่ะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น: