เราลองมาดูกันดีกว่าว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยม แล้วถ้าไม่ได้ล่ะจะส่งผลอย่างไร"
อนึ่ง ก่อนจะเข้าสู่บทความ ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากคำถามที่น้องของผู้เขียนได้ถามมา
ดังที่เห็นจากชื่อเรื่องนั่นเอง
ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะเข้าไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่ออะไร
- เพื่อประกอบอาชีพที่ตัวเองชอบ
- เพื่อหาความรู้ไว้ให้รู้
- เพื่อพ่อแม่
- โดนบังคับ
- เพื่อจะได้เจอเพื่อนใหม่
- เพื่อจะได้ผ่านกิจกรรมรับน้อง หรือ
- เพื่อเกียรตินิยม...ฯลฯ
จะต้องหาความรู้เอง ดังที่หลายๆ คนเรียกผู้ที่เรียนในมหาวิทยาลัยว่า "นักศึกษา"
ดังนั้นผลการเรียนย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการศึกษาแน่นอน...
มาถึงประเด็นที่ว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยมแล้วถ้าไม่ได้ล่ะจะส่งผลอย่างไร "
หลายๆ คนมักจะพูดว่า "เรียนไปเถอะ เรียนให้จบก็พอ ไม่ต้องเอาหรอกเกียรตินิยม
เอาไปก็ทำไรไม่ได้ งานที่ทำก็เหมือนกัน บางคนเงินเดือนน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เกียรตินิยมอีก"
หรือที่หนักสุดๆ ก็คือ "จบไปก็ตกงานเหมือนกันนั่นแหละ" ผู้เขียนไม่เถียงว่าคำพูดเหล่านี้ไม่จริง
เพราะ...
- คนเก่งบางคนเก่งเฉพาะด้าน แต่อาจจะเก่งไปเลย เค้าอาจจะไม่จบตามหลักสูตรด้วยซ้ำ แต่เค้ามีงานทำแบบไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร เงินเดือนมากกว่าคนจบแล้วบางคนอีก
- คนเก่งบางคนมุ่งเน้นแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ แต่การเรียนในระบบมหาวิทยาลัยของไทย ต้องเรียนวิชาพื้นฐาน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อใครหลายๆ คน
- คนเก่งบางคนอาจจะไปพลาดวิชาใดเพียงแค่วิชาเดียว ทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์เกียรตินิยม
แต่เกรดก็ออกมาสูงใช้ได้ .............
หลายๆ มหาวิทยาลัย มีเกณฑ์ในการให้เกียรตินิยมคล้ายๆ กัน นั่นคือ
- ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามที่หลักสูตรกำหนด
- ต้องได้เกรดเฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า ...
- ต้องไม่ได้เกรด ....
- บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้ (ผู้เขียนไม่เถียง)
เอาล่ะ อธิบายมาเยอะแยะมากมาย คราวนี้ผู้เขียนจะตอบว่า "ทำไมต้องได้เกียรตินิยม"
อันดับแรกเลย พ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆ ภูมิใจ -- แน่นอน ทำชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลนี่ ซึ่งเกียรตินิยมเป็นสิ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกได้ เพื่อบ่งบอกถึงความมุมานะของผู้เรียน
อันดับที่สอง ตัวคุณภูมิใจ -- คุณลองคิดดู กว่าคุณจะประสบความสำเร็จมาขนาดนี้ คุณต้องต่อสู้มาขนาดไหน แน่นอนถ้าคุณทำได้ คุณก็ภูมิใจ
อันดับที่สาม โอกาสในหน้าที่การงานดีกว่า(เหรอ) -- คำถามที่ตามมาคือ "ดีกว่าตรงไหน" หากคิดแบบนี้ ขอถามก่อนเลยว่า มีบริษัทไหน ที่มาบอกคุณบ้าง ว่าเค้ารับคนได้เกียรตินิยมเข้าทำงาน อันนี้ผู้เขียนได้ความรู้มาจากพี่ของผู้เขียนเอง
สมมติว่าบริษัท ก ต้องการรับพนักงาน 1 คน แล้วมีผู้เข้าสมัครงานมา 5 คน ซึ่ง 3 คน จบจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด และมี 1 คน ได้เกียรตินิยม (ทั้ง 3 เรียนเอกเดียวกัน) อีก 2 คน มาจากมหาลัยอื่น 1 คน ได้เกียรตินิยม อีก 1 คน ไม่ได้อะไรเลย แต่เก่งในด้านงานที่สมัคร
คำถามที่ตามมาคือ ใครจะได้เข้าทำงานที่นี่... ใช่ไหมคะ
--> แต่ละองค์กร มีเกณฑ์การคัดเลือกไม่เหมือนกันหรอกค่ะ บางที่ไม่รับคนเกรดสูง เนื่องด้วยคนเกรดสูงบางคนอาจจะเรียกร้องเงินเดือนเยอะ เรียกร้องอะไรมากมาย ทัศนคติอาจจะไม่ค่อยตรงกับใคร และอาจจะมั่นใจจนเกินความพอดี ค่ะ
ถามว่าทำไม บริษัทส่วนใหญ่ไม่มีเวลามานั่งอ่านผลงานของทุกคน นอกซะจากว่าเคยมีชื่อเสียงได้รับรางวัลมา
แล้วจากคำถาม คนที่เก่งด้านนี้ล่ะ เค้าเก่งด้านนี้ แต่เค้าไม่เคยได้รับรางวัล ไม่มีใครรู้จัก คุณจะรู้ได้ไงว่าเค้าเก่งจริง...
อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น หากพาดพิงถึงผู้ได้ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ในความเป็นจริง การได้เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง จะมีองค์กร หน่วยงานต่างๆ ยื่นมือเข้ามา ไม่ว่าจะให้งานตำแหน่งดีๆ ให้ทุนวิจัย ทุนศึกษาต่อ.... และอีกเยอะแยะมากมาย ในทางตรงข้าม การไม่ได้เกียรตินิยมก็ไม่ใช่ไม่ดี บางคนอาจจะได้งานดีกว่าคนได้เกียรตินิยมอีก แต่ก็เป็นส่วนน้อย
ที่สำคัญที่สุดการได้เกียรตินิยม เป็นผลจากการพิสูจน์ตัวเองต่างหากว่าเราตั้งใจแค่ไหน มุ่งมั่นแค่ไหน ผู้เขียนเชื่อว่าความตั้งใจและความมุ่งมั่นนี่แหละ ที่เป็นผลให้ประสบความสำเร็จ อยู่เรามุ่งมั่นอะไร ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจซ้อมกีฬา เราก็จะได้รับรางวัลจากการแข่งขัน ....
สรุปง่ายๆ ก็คือ เกียรตินิยมไม่จำเป็นค่ะ ความรู้ที่ขวนขวายคือสิ่งที่จำเป็นกว่าค่ะ
เกียรตินิยมเป็นรางวัลสำหรับความพยายามและความตั้งใจค่ะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น